บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า อันมีชื่อรหัสว่า
AZD1222[5]มี
ตราสินค้าต่าง ๆ รวมทั้ง
Covishield[16]และ
Vaxzevria[1][17]เป็นวัคซีนที่ใช้
ไวรัสเป็นเวกเตอร์หรือเป็นพาหะ และฉีดเข้าใน
กล้ามเนื้อเพื่อป้องกันโรค
โควิด-19มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและบริษัท
แอสตร้าเซนเนก้าได้พัฒนาขึ้นโดยใช้
อะดีโนไวรัสของ
ชิมแปนซีที่ได้
ดัดแปลงพันธุกรรมชื่อว่า ChAdOx1
[18][19][20][21]งานศึกษาที่ทำในปี 2020 พบ
ประสิทธิศักย์ของวัคซีนที่
ร้อยละ 76 ในการป้องกันโรคที่แสดงอาการเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 หลังจากฉีดโดสแรกและร้อยละ 81.3 หลังจากฉีดโดสที่สอง
[22]ส่วนงานวิเคราะห์ในปี 2021 พบว่า สำหรับการติดเชื้อที่แสดงอาการ หลังจากได้โดสที่สอง วัคซีนมีประสิทธิภาพร้อยละ 66 ต่อสายพันธุ์
อัลฟา (อังกฤษ) และร้อยละ 60 ต่อสายพันธุ์
เดลตา (อินเดีย)
[23]วัคซีนปลอดภัยดี มีผลข้างเคียงเป็น
ความเจ็บปวดที่จุดฉีด
ปวดหัว คลื่นไส้ ทั้งหมดปกติจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน
[24]ที่เกิดน้อยกว่ารวมการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงคือ
แอนาฟิแล็กซิส (อังกฤษมีรายงาน 268 กรณีจากการฉีดวัคซีน 21.2 ล้านโดสจนถึงวันที่ 14 เมย. 2021)
[24]ในกรณีที่มีน้อยมาก (น้อยกว่า 1 ในแสนคน) วัคซีนสัมพันธ์กับ
การเกิดลิ่มเลือดบวกกับเกล็ดเลือดที่ลดลงต่ำ[25][26]สำนักงานการแพทย์ยุโรป (European Medicines Agency, EMA) ระบุว่า จนถึงวันที่ 4 เมย. 2021 มีกรณีเกิดลิ่มเลือด 222 กรณีภายใน
เขตเศรษฐกิจยุโรปและ
สหราชอาณาจักรจากคน 34 ล้านคนที่ได้ฉีดวัคซีน
[27]ในวันที่ 30 ธันวาคม 2020 สหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีน
[13][28][29]โดยฉีดวัคซีนนอกการทดลองเป็นเข็มแรกในวันที่ 4 มกราคม 2021
[30]หลังจากนั้น องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกจึงได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนรวมทั้งสำนักงานการแพทย์ยุโรป (EMA)
[1][15]องค์กรควบคุมของออสเตรเลีย (TGA)
[7]และ
องค์การอนามัยโลก[31]จนถึงวันที่ 27 เมษายน 2021 วัคซีนนี้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศ 137 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยประเทศบางประเทศได้จำกัดให้ใช้วัคซีนเฉพาะในคนสูงอายุเท่านั้น เพราะผลไม่พึงประสงค์ของวัคซีนที่อาจมีในคนอายุน้อยกว่าแม้จะเกิดน้อยมาก
[32]ในกลางเดือนพฤศจิกายน 2020
คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติ
งบประมาณ 6,000 ล้านบาทเพื่อสั่งจองวัคซีนจากบริษัทจำนวน 26 ล้านโดสโดยจะซื้อในราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 151 บาท) ต่อโดส และที่เหลือ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) จะใช้เพื่อดำเนินการและเก็บรักษา
[33]จนถึงปลายเดือนเมษายน 2021 พบว่า ไทยได้สั่งวัคซีนชนิดนี้รวมทั้งหมดแล้ว 61 ล้านโดส
[34][35]โดยรัฐบาลต้องการให้ส่งวัคซีนในเดือน มิ.ย. 6 ล้านโดส, เดือน ก.ค.-พ.ย. เดือนละ 10 ล้านโดส และเดือน ธ.ค. อีก 6 ล้านโดส ทั้งหมดรวมเป็น 61 ล้านโดส
[36][37]ซึ่งพอสำหรับประชากร 30.5 ล้านคนคือประมาณร้อยละ 44 ของประชากรประมาณ 69.56 ล้านคนต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2021 จึงปรากฏว่า บริษัทมีแผนจะส่งวัคซีนให้แก่ไทยเดือนละ 5-6 ล้านโดสเท่านั้น
[38][39] ดังนั้น วัคซีนทั้งหมดอาจส่งไม่ครบจนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2022
[40]จนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2021 ประเทศไทยได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด 8,193,500 โดส คือ
ญี่ปุ่นบริจาคให้ 1,053,000 โดสและบริษัทส่งให้ที่เหลือ 7,140,500 โดสโดยส่ง 1,651,100 โดสให้ในเดือนกรกฎาคม
[41][42]